โครงงานเรื่อง บังลอยไข่หวาน
บทคัดย่อ
โครงงานเรื่อง บัวลอยไข่หวาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค้นคว้าวิธีการทำขนมบัวลอยไข่หวาน ให้ได้มีประสิทธิภาพและได้รับผลประโยชน์ สามารถนำไปรับประทานได้จริง
บทที่1
บทนำ
1. ที่มาและความสำคัญ
ในปัจจุบันขนมไทยเริ่มหมดไปพร้อมกับวัฒนธรรมที่เสื่อมถอยเนื่องจากเนื่องจากคนปัจจุบันได้นำเอาวัฒธรรมตะวันตกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเพื่อเป็นการอนุรักษ์สูตรขนมหวานไทยพวกเราจึงจัดทำโครงงานเล่มนี้ขึ้นเพื่อศึกษาค้นคว้าสูตร และวิธีทำบัวลอยสามสีซึ่งเป็นขนมไทยชนิดหนึ่งและกลุ่มของพวกเราได้นำพืชที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ดอกอัญชัญ ใบเตย และขมิ้นมาทำเป็นสีของลูกบัวลอย ซึ่งพืชแต่ละชนิดต่างก็มีสรรพคุณมากมาย และกลุ่มของพวกเราได้รวบรวมข้อมูลไว้ในโครงงานเล่มนี้ เพื่อให้บุคคลที่สนใจได้ศึกษาและเป็นแนวทางต่อไป
จุดประสงค์ในการทำโครง
โครงงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาประวัติและวิธีการทำบัวลอยสามสีที่ถูกวิธีและอร่อยและที่สำคัญคือแปลกใหม่ไปจากเดิม บัวลอยสามสีเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของคนไทย ซึ่งบัวลอยสามสีก็เป็นขนมหวานไทยชนิดหนึ่งถือเป็นการช่วยอนุรักษ์สูตรขนมไทยและวัฒนธรรมไทยไปในตัว
1.เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
2.เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการทำโครงงาน
3. เพื่อสร้างเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พอกิน พอใช ้มีเหตุ มีผล มีความคุ้มค่า
4.เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
5. เพื่อสามารถสร้างรายได้ ในระหว่างเรียนได และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้
บทที่2
เอกสารประกอบ
ใบเตย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวลักษณะแตกกอเป็นพุ่มขนาดเล็ก ลำต้นเป็นข้อ ใบออกเป็นพุ่มบริเวณปลายยอด เมื่อโตจะมีรากค้ำจุนช่วยพยุงลำต้นไว้ ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียนเป็นเกลียวขึ้นไปจนถึงยอด ลักษณะใบยาวเรียวคล้ายใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเป็นมัน เส้นกลาง
เว้าลึกเป็นแอ่ง ถ้าดูด้านท้องใบจะเห็นเป็นรูปคล้ายกระดูกงูเรือ ใบมีกลิ่นหอมส่วนที่ใช้ : ใบ
สรรพคุณ :
• ใบสด
- ตำพอกโรคผิวหนัง
- รักษาโรคหืด
- น้ำใบเตย ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น
- ใช้ผสมอาหาร แต่งกลิ่น ให้สีเขียวแต่งสีขนม
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
1. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะใช้ต้น 1 ต้น หรือราก ครึ่งกำมือ ต้มกับน้ำดื่ม
2. ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ
ใช้ใบสดไม่จำกัดผสมในอาหาร ทำให้อาหารมีรสเย็นหอม รับประทานแล้วทำให้หัวใจชุ่มชื่น หรือเอาใบสดมาคั้นน้ำรับประทาน ครั้งละ 2-4 ช้อนแกง
3. ใช้เป็นยาแก้เบาหวาน
อัญชัญ
เป็นไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือแดงชัน (เชียงใหม่) และเอื้องชัน (เหนือ)[1] เมื่อคั้นออกมาจะได้เป็นสีฟ้า
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อัญชันเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่ 5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็กแต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ออกดอกเกือบตลอดปี ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร เมล็ดรูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
การกระจายพันธุ์อัญชันมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถูกนำไปแพร่พันธุ์ในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา
สรรพคุณ
•ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร ช่วยปลูกผมทำให้ผมดำขึ้น
•เมล็ด เป็นยาระบาย
•ราก บำรุงตาแก้ตาฟาง ถูฟันแก้ปวดฟัน ตาแฉะ และปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ นำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหูและหยอดตา
ขมิ้น
ชื่ออื่น : ขมิ้นหัว,ขมิ้นแกง,ขมิ้นหยวก (เชียงใหม่) ขมิ้น (กลาง) หมิ้น,ขี้มิ้น (ภาคใต้) สะยอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ตา ยอ (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร) สรรพคุณ : ใช้รับประทานเหง้าของขมิ้นชัน โดยการปลอกเปลือกหรือตากแห้งแล้วบดเป็นผงใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่าง และแบบผงบรรจุแคปซูลเพื่อความสะดวกแก่การรับประทาน ขมิ้นชันมีประโยชน์และสรรพคุณหลายประการ ดังนี้ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ, ซี, อี ที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานพร้อมกัน ทั้ง 3 ตัว จึงมีผลทำให้ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดลำไส้ เปลี่ยนไขมันให้เป็น กล้ามเนื้อ ต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งตับ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่รับประทานเข้าไปและสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็ฯเซลล์มะเร็ง ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังการ คลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลีกินขมิ้นชันให้ตรงเวลา ที่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเปิดการทำงานในช่วงเวลานั้น จะได้ผลตรงกับประเด็นที่ต้องการจะบำรุง หรือแก้ไขฟื้นฟูอวัยวะ รับประทานเพียง 1 แคปซูลเท่านั้น จะออกฤทธิ์ มากกว่าเวลาอื่นถึง 40 เท่าตัว แต่ถ้ามีปัญหาหลายอย่างก็รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ทุกๆ 2 ชั่วโมง ถ้ารับประทานขมิ้นจำนวนมาก ส่วนที่เหลือจะทำหน้าที่ขับไขมันในตับ กินขมิ้นชันให้เป็นอาหาร ไม่ใช่กิน ให้เป็นยา ต้องกินให้สนุกใช้ปรุงอาหารกินบ้าง หุงข้าวก็ใส่ขมิ้นชันได้ ทอดปลาคลุกขมิ้นชันก็ดี ทำให้หอมน่ากินและยังได้ประโยชน์อีกด้วย เพราะตัวขมิ้นจะช่วยย่อยไขมันจากน้ำมันที่ใช้ทอดปลาได้เป็นบาง ส่วน ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ ต้องปลอกเปลือกก่อน แต่ถ้าทำขมิ้นบดเป็นผง ต้องนำขมิ้นมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง เสร็จแล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึง จะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นแห้ง ความร้อนไม่ควรเกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตอรอยด์ได้
วิธีการดำเนินงาน
1.แบ่งกิจกรรมตามหน้าที่
2.สืบค้นหาข้อมูล
3.รวบรวมขอมูล
4.จัดทำเป็นรูปเล่มที่สวยงาม
5.จัดทำเป็นโครงงานนำเสนอ
หลักการทำงาน
1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวจ้าว ดอกอันชัญและน้ำเปล่า นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวจ้าวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว
2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)
3. น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มแล้วใส่
4. ตักใส่ถ้วยเสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิด ไฟ
บทที่3
โปรแกรมที่ใช้ในการทำงาน
1โปรแกรม Microsoft word
บทที่4
สรุปและการนำไปใช้
การทำโครงงานขนมบัวลอยสามสีครั้งนี้ทำให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันสืบค้นหาข้อมูลและปฏิบัติเป็นรูปเล่มโครงงานและทำเป็นของหวานเพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และนอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาวิธีการทำ และลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง
อภิปราย
1. สามารถนำเอาโครงงานมาเป็นแบบอย่างในการศึกษาข้อมูลในการทำครั้งต่อไป
2. ใช้ประโยชน์จากรูปเล่มโครงงานไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
3. นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
4. ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
ในการทำโครงงานเรื่องบัวลอยสามสีในครั้งนี้ ทำให้ได้รู้และศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้และได้รับประโยชน์ ดังนี้
1. รู้และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี
2. ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆและนำมาจัดทำเป็นรูปเล่มโครงงาน เพื่อการศึกษาต่อไป
3. นำไปประกอบการเรียนรู้ในวิชาที่เกี่ยวข้อง
4. ได้เรียนรู้และฝึกทักษะการทำบัวลอยสามสี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น